ไทย เอสพีเอส นิวส์ เป็นเว็บข่าวเพื่อมวลชน เจาะลึก ทันเหตุการณ์ โดยสมาคมผู้สื่อข่าวและสื่อมวลชนเพื่อสังคมประเทศไทย
รู้จัก พ.ต.อ.ชัยวัฒน์ บูรณะ มือสเก็ตซ์ภาพคนร้ายเบอร์หนึ่งของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทำงานเพื่อประชาชน เพื่อสังคม คือความภาคภูมิใจอันสูงสุด
(อ่านแล้ว 475 ครั้ง)
Share on Google+

 

การที่ได้ทำงานเพื่อประชาชน เพื่อสังคม คือความภาคภูมิใจอันสูงสุด  คืออุดมคติของนายตำรวจท่านหนึ่งที่โจร คนร้าย ได้ยินชื่อเสียงเรียงนามล้วนขยาดกันเป็นแถว แม้ตัวท่านอาจจะไม่ได้ออกไปบุกจับคนร้ายด้วยตัวเอง แต่ท่านก็เป็นกลไกสำคัญที่ทำให้เหล่าเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามจับกุมผู้กระทำผิดมาได้นับไม่ถ้วน แม้คนร้ายเหล่านั้นจะพรางตัวด้วยวิธีใดก็ตาม นั่นคือที่มาของคำว่า Forensic​ Artist​ Police Pol.​Col.Chaiwat​ Burana

พ.ต.อ.ชัยวัฒน์  บูรณะ ( ป้อม) ผู้กำกับการฝ่ายทะเบียนประวัติอาชญากร 2 ( ฝทว.2 ) กองทะเบียนประวัติอาชญากร สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เกิดเมื่อวันที่ 11 พ.ค.2506 ปัจจุบันอายุ 59 ปี จบเข้ารับการศึกษาชั้นประถมศึกษาที่โรงเรียนวัดดอนไก่เตี้ย จังหวัดเพชรบุรี /  ชั้นมัธยมศึกษาที่โรงเรียนวัดประสาท ย่านธนบุรี กรุงเทพฯ /  ต่อระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ที่โรงเรียนไทยวิจิตรศิลป์ จากนั้นได้ข้ามฝั่งไปเรียนต่อที่วิทยาลัยเพาะช่าง สาขาจิตรกรรมสากล หลังจากจบมาได้เข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี คณะศึกษาศาสตร์ เอกศิลปศึกษา มหาวิทยาลัยศรีนครินทร์วิโรฒประสานมิตร /  อบรมหลักสูตร กอส.รุ่นที่ 16 และศึกษาต่อระดับปริญญาโท คณะรัฐศาสตร์ หลักสูตรความร่วมมือกับสถาบันทหาร รุ่นที่ 2 มหาวิทยาลัยรามคำแหง

รับราชการครั้งแรกอายุ 34 ปี ดำรงตำแหน่ง รอง สว.งาน กก.ทว. ยศร้อยตำรวจตรี ในช่วงปลายปี 2539, ดำรงตำแหน่ง สว.งาน กก.ทว.ดำรงตำแหน่ง สว.ฝทว.ทว./ ดำรงตำแหน่ง รอง ผกก.ฝทว. ทว. / ดำรงตำแหน่ง ผกก.ฝ่ายทะเบียนประวัติอาชญากร ทว. ในปี 2556 จนถึงปัจจุบัน รวมอายุราชการ 21 ปี

จบหลักสูตรสืบสวนคดีอาญา รุ่นที่ 76 / หลักสูตรสารวัตร รุ่นที่ 75 / หลักสูตรผู้กำกับการ รุ่นที่ 88 / หลักสูตรการสเก็ตช์ภาพใบหน้าคนร้าย AFP Forensic Artist Workshop (สถานทูตออสเตรเลีย) / หลักสูตรสอบสวน (โดยสถานทูตสหรัฐอเมริกา) ICE/EXBS Counter Proliferation Investigations Training (U.S. Immigration and Customs Enforcement) / หลักสูตรการสืบสวนสอบสวน คดีละเมิดค้าอาวุธทำลายล้างสูงและสินค้าที่ใช้ได้สองทาง   U.S.Immigration  And Customs Enforcement ณ กรุงวอชิงตัน ดีซี ประเทศสหรัฐอเมริกา

พ.ต.อ.ชัยวัฒน์  บูรณะ นั้นเป็นผู้ชำนาญการสเก็ตช์ภาพใบหน้าคนร้ายที่เรียกได้ว่าเป็นมือหนึ่งของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และเป็นครูสอนเจ้าหน้าที่ตำรวจมาแล้วมากมาย เคยออกรายการโทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ รายการวิทยุ มาแล้วมากมาย ถ้าจะใช้คำว่า ท่านผู้กำกับคนดังก็คงไม่แปลก

 

 

อำลางานบริษัทพลิกผันรับราชการ 

พ.ต.อ.ชัยวัฒน์  บูรณะ หรือ ผกก.ป้อม เล่าว่า สมัยเรียนจบได้ทำงานในบริษัทโฆษณาในตำแหน่ง Art Director รับเงินเดือนถึง 50,000 บาท แต่ด้วยความที่มีอุดมการณ์จึงพลิกผันตัวเองเข้ารับราชการในตำแหน่งรองสารวัตร งาน กก.ทว. เมื่อปลายปี 2539 ในวัย 34 ปี ตามอุโครงการ “ตำรวจ เพื่อประชาชน” ผ่านการอบรมหลักสูตร กอส.รุ่นที่ 16 รุ่นเดียวกับ ร.ต.อ.เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง อดีตหัวหน้าผู้ฝึกสอบฟุตบอลทีมชาติไทย ในช่วงอบรมก็ได้ร่วมเล่นฟุตบอลกันในยามว่างอบรมหลักสูตรการสืบสวนสอบสวนโดยใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ ปี 2542

ในช่วงวัยเด็กตนเองได้รับการปลูกฝังจากญาติผู้ใหญ่ที่รับราชการ และถวายงานอยู่ใกล้ชิดกับพระองค์ รวมถึงมีใจรักในงานศิลปะโดยได้รับแรงบันดาลใจจาก ในหลวง ร.9 จึงเริ่มวาดภาพตั้งแต่เรียนอยู่ในชั้นประถมศึกษาปี 4 ของโรงเรียนวัดดอนไก่เตี้ย จังหวัดเพชรบุรี ซึ่งภาพแรกที่ได้วาดขึ้นนั้นเป็นภาพ ในหลวงรัชกาลที่ 9 เมื่อครูผู้สอนเห็นผลงานจึงเห็นแววและส่งเข้าประกวดแข่งขันวาดภาพ โรงเรียนต่างๆ ในจังหวัด จนได้รับรางวัลชนะเลิศจากผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรีในขณะนั้น หลังจากนั้นจึงเกิดแรงบันดาลใจในการทำงานทางศิลปะมากขึ้น จนกระทั่งสามารถพัฒนาฝีมือตนเองจนได้เข้าศึกษาในระดับที่สูง และทำงานจนเป็นที่ยอมรับในด้านการสเกตช์ภาพคนร้ายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และได้รับการยอมรับจากต่างประเทศ

ส่วนเหตุผลที่พลิกผันชีวิตมารับราชการตำรวจเพราะตนเองมองว่าตำรวจหรือทหาร เป็นงานที่มีความสำคัญ และคิดอยู่เสมอว่าเป็นความห่างไกลจากตัวเรามาก และตัวเราไม่น่าจะมีความสามารถ ที่จะก้าวเข้าสู่ การเป็นตำรวจได้ และเราก็รู้เพียงว่า ถ้าจะเป็นตำรวจ ก็ต้องสอบเข้าโรงเรียนนายร้อยตำรวจสามพรานให้ได้ ซึ่งดูแล้วเป็นอะไรที่น่าจะยากมากๆ ณ เวลานั้น และเราก็ได้เลือกเส้นทางเดิน ที่ตัวเองชอบ จนย้อนกลับมามองถึงองค์กรตำรวจ จึงเห็นว่า มีงานที่เราน่าจะช่วยองค์กรตำรวจได้ ตามที่เรามีศักยภาพและมีความสามารถก็คืองานสเก็ตช์​ภาพใบหน้าคนร้าย เมื่อคิดตามนั้น จึงทดลองกับไปเขียนภาพใบหน้าบุคคลซึ่งเราทิ้งไปนาน พอสมควร เมื่อได้กลับมาเขียน 5-10 ภาพ ก็เกิดความมั่นใจ จึงตัดสินใจที่จะสมัครสอบเข้ารับราชการตำรวจ และเข้ารับการอบรมหลักสูตร​ กอส. รุ่นที่ 16 นั่นคือการก้าวเข้าสู่การรับราชการตำรวจเกือบเต็มตัว แต่ก็ต้องทำใจเยอะมาก เนื่องจากเราไม่เคยอยู่ในกฎระเบียบ รู้สึกท้อในระยะแรกๆ แต่เมื่อเวลาผ่านไป 1 เดือน ก็เริ่มสนุก กับเพื่อนๆ แต่ก็ยังมีสิ่งที่ยังขาดความมั่นใจ ก็คือเพื่อนๆที่เขารับการอบรมหลายคนเป็นตำรวจอยู่แล้ว มีทั้งยศร้อยตำรวจตรี และร้อยตำรวจโทจนถึงร้อยตำรวจเอก ส่วนตัวเราจากบุคคลธรรมดา ไม่เคยรู้ระบบการทำงานเลย ก็ต้องใช้เวลาพอสมควรที่จะปรับตัวเอง แต่ก็ผ่านพ้นไปด้วยดี

อดีตช่วงเริ่มต้นที่จะเข้ารับราชการตำรวจนั้นบุคคลที่เป็นไอดอล คือพลตำรวจเอก​ มนต์ชัย พันธุ์คงชื่น ซึ่งเป็นอดีตอธิบดีกรมตำรวจ เมื่อได้คุยกับท่าน ท่านจะเล่าเรื่องราว ของตำรวจให้ฟัง พร้อม ให้คำแนะนำในช่วงที่เป็นตำรวจระยะแรก และในช่วงปีพ.ศ 2539 ท่านได้ประดับยศร้อยตำรวจตรีให้ผม และภาพขณะที่ ประดับยศ นั้นยังติดอยู่ในห้องทำงานของผมตั้งแต่ปีพ.ศ 2539 จนถึงปัจจุบัน ต่อมาในช่วงปีพ.ศ 2546 ได้มีโอกาสร่วมงานกับท่าน พลตำรวจเอก​ พงศพัศ​ พงษ์เจริญ ซึ่งเป็นนายตำรวจอีกท่านหนึ่งที่เป็นไอดอล ผมชอบการทำงานแบบสบายๆเป็นกันเองกับประชาชน ชอบทำงานมวลชน และงานที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม และเป็นแนวทางในการทำงานจนถึงปัจจุบัน

 

ศิลปินสร้างศิลปะ งานอดิเรกที่ใจรักเสมอมาในยามว่าง

หลังว่างจากงานตำรวจ พ.ต.อ.ชัยวัฒน์  บูรณะ ก็ใช้เวลาผลิตปลุกปั้นงานศิลปะ การเขียนรูป เป็นงานอดิเรก โดยได้มีโอกาสนำผลงานไปร่วมการแสดงงานศิลปะที่นำมาใช้ในกระบวนการยุติธรรม ร่วมแสดงด้วยเพื่อให้ประชาชนเข้าถึงงานของตำรวจได้มากยิ่งขึ้น เช่นการสเก็ตช์​ภาพคนร้ายการสเก็ตช์​ภาพเด็กหายให้มีอายุเทียบเท่าปัจจุบัน​ รวมไปถึงการสเก็ตภาพจากศพ กรณีพบศพนิรนามที่มีลักษณะใบหน้าเปลี่ยนไปจนไม่สามารถจำได้ ทำเพื่อเป็นแนวทางในการสืบสวน

คือการเล่นดนตรี การแต่งเพลง ชื่อของ พ.ต.อ.ชัยวัฒน์  บูรณะ นับเป็นที่รู้จักอีกหนึ่งวงการคือ ดนตรี ท่านได้สร้างสรรค์ผลงาน แต่งเพลงทำดนตรีขึ้นโดยเนื้อหาจะว่าด้วยเรื่องความสมานสามัคคี ความรัก ห่วงใยต่อพี่น้องประชาชน และส่งมอบความรักและบทเพลงให้กับหน่วยงานต่างๆ ปัจจุบัน มีผลงานเพลง ทั้งหมด 5 เพลง

1.สปคม. สู้ภัยโควิด 19  /  2.​ จากนี้เราจะเดินเคียงกัน  / 3. เธอหายไป ขอได้พบเธอ   / 4.​ เธอกับฉัน  / 5.​ ขอชื่นชมบุคลากรทางการแพทย์ไทย

 

 

ที่ผ่านมาทั้งด้วยหน้าที่ในราชการผสมผสานกับความเป็นจิตอาสา ได้รวบรวมสมัครพรรคพวกรวมถึงผู้ใต้บังคับบัญชาร่วมโครงการสเก็ตช์​ภาพเตือนภัยให้สังเกตจดจำ ซึ่งทำมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ความรู้กับเด็กเยาวชนและประชาชนกลุ่มเสี่ยง ให้มีความรู้ในการป้องกันอาชญากรรม และมีทักษะในเรื่องการสังเกตจดจำ โดยมีเป้าหมายเพื่อปิดช่องอากาศในการก่ออาชญากรรม ล่าสุดได้ทำโครงการนี้ที่โรงเรียนบ้านดงสารคาม​ จังหวัดนครนายก​ ได้นำ ลูกวอลเลย์บอล ที่มีคุณภาพ ไปมอบให้กับเด็กนักเรียนและลูกวอลเลย์บอลส่วนหนึ่งที่นำไปมอบนั้นจะมีลายเซ็นของนักกีฬาวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทยทุกคน เพื่อเป็นแหล่งกระตุ้นให้เด็กๆ เด็กนักเรียน มีความสนใจในด้านกีฬา

นอกจากนี้ยังจัดทำโครงการบรรยายให้ความรู้กับเด็กเยาวชนและประชาชนกลุ่มเสี่ยงรวมถึงส่วนราชการต่างๆ ในเรื่องของการเตือนและระวังภัย ให้ความรู้ในการสังเกตจดจำ และทำมาอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลากว่า 10 ปี เพื่อช่วยป้องกันและรู้ทัน ปิดช่องโอกาสคนร้ายที่คิดจะกระทำความผิด หรือหากกระทำความผิดประชาชนจะสามารถให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ ซึ่งมีผลโดยตรงกับงานสเก็ตช์ภาพคนร้าย และที่สำคัญอบรมให้กับเยาวชนและประชาชนในการช่วยกันป้องกัน การหายตัวไปของเด็กที่อาจเกิดจากการถูกล่อลวง ลักพาตัวเด็ก การทำงานเชิงรุกได้ร่วมมือกับมูลนิธิกระจกเงา เพิ่มช่องทางการติดตามเด็กหาย ในการ สเก็ตซ์ภาพจำลองเด็กหายที่หายไปเป็นระยะเวลานาน โดยตามหลักการ ใบหน้าจะมีการเปลี่ยนแปลง เพื่อให้มีลักษณะใบหน้าที่มีอายุเทียบเท่าปัจจุบัน ตามกระบวนการ (Age Progression) นอกจากนี้ได้รับความไว้วางใจให้เป็นอาจารย์พิเศษสอนให้กับนักเรียนนายร้อยตำรวจสามพราน ในระดับชั้นปีที่ 4 จนถึงปัจจุบัน เป็นเวลา 20 ปี

 

 

Share on Google+
หนังสือพิมพ์ออนไลน์
เศรษฐกิจในประเทศ