(อ่านแล้ว 248 ครั้ง)
วันนี้ 14 ก.ย.2565 นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม และ ประธานสมาพันธ์ต่อต้านแชร์ลูกโซ่แห่งประเทศไทย ได้โพสต์เฟซบุ้คส่วนตัว แสดงความเป็นห่วงผู้เสียหายคดีแชร์ลูกโซ่ทุกๆคดีรวมไปถึงคดีใหญ่ล่าสุดคือ Forex-3d และอยากให้ผู้เสียหายทุกคนรวมตัวยื่นคำร้องต่ออัยการ หรือ ดีเอสไอ เพื่อเร่งสอบสวนคดี ดีกว่ามานั่งประจานท้าวแชร์ทางเฟซบุ้ค หรือทางออนไลน์ในช่องทางใดๆเพราะอาจจะมีความเสี่ยงถูกฟ้องกลับในข้อหาหมื่นประมาทด้วยการโฆษณาทางระบบคอมพิวเตอร์ได้ โดยเนื้อหาในเฟซบุ้คส่วนตัว นายสามารถ กล่าวว่า ผมเห็นข่าวเรื่องแชร์ลูกโซ่ forex-3d ขอบอกเลยว่า ที่จับนะเพียงแค่ยอดภูเขาน้ำแข็งเท่านั้น ผู้ร่วมขบวนการยังมีอีกเยอะ คนได้ประโยชน์ได้ทรัพย์สินของผู้เสียหายยังมีอีกมาก เทียบเคียงง่ายๆ คดีก่อนหน้าคดียูฟัน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขออนุญาตศาลออกหมายจับผู้ต้องหา 164 คน คดีนี้ศาลอุทธรณ์ได้สั่งให้จำเลยชดใช้เงินคืนจำนวน 356,211,209 บาทแก่ผู้เสียหายทั้ง 2,451 คน ที่แจ้งความดำเนินคดี
ดังนั้นถ้าเปรียบเทียบกัน จะเห็นได้ว่าคดียูฟันผู้เสียหายแจ้งความน้อยกว่าคดีforex-3d แต่ตำรวจในขณะนั้นขยายผลได้มากกว่า โดยดูการเชื่อมโยงเส้นเงิน อย่าลืมว่าแชร์ลูกโซ่พวกนี้มีคนเขียนโปรแกรมให้ ดังนั้นเวลาจ่ายเงินปันผลรายเดือน เส้นเงินจะเข้ามาในบัญชีเองทุกเดือน จะลงระบุไว้ใครเป็น พ่อทีมแม่ทีมใคร ดังนั้น นั่งเฉยๆไม่ชวนใครเงินก็เข้า คนประเภทนี้จะไปทุกวงแชร์ลูกโซ่
สุดท้ายรับทรัพย์สินของคนที่อยู่ล่างสุด และ ไม่ถูกดำเนินคดี ทั้งๆที่ทางแพ่ง ทาง ปปง. ต้องติดตามทรัพย์สินมาคืน ส่วนทางอาญานั้น ถือว่าเป็นผู้สนับสนุนให้วงแชร์ลูกโซ่กระจายไปได้เร็วหรือไม่
ความเสียหายเวลาศาลสั่งคืน ศาลจะให้หักกับเงินที่ได้คืนไปแล้ว ดังนั้นคนตรงกลางที่บอกว่าลงทุน แต่ไม่เสียหาย ทั้งที่จริงได้เงินไปจำนวนมาก ทางดีเอสไอต้องติดตามทรัพย์สินมาคืนให้กับที่ถูกฉ้อโกงไป
เหมือนสมัยก่อนไปปล้นทรัพย์ เวลาตำรวจจับ ไม่ได้จับแค่หัวหน้าแกงค์ แต่จับทั้งแกงค์ และ ยึดทรัพย์ทั้งแกงค์มาคืนให้กับเจ้าทรัพย์
แชร์ลูกโซ่forex-3dก็เช่นกัน ดังนั้นผมขอให้ผู้เสียหายที่มีข้อมูลส่งไปให้อัยการสูงสุดมีคำสั่งให้ดีเอสไอสอบเพิ่มเติมได้ เพราะตอนนี้เลยขั้นตอนที่จะร้องไปยังดีเอสไอแล้ว การที่ผู้เสียหายเอาข้อมูลมาเปิดในโซเชี่ยล จากเป็นผู้เสียหาย อาจตกเป็นผู้ต้องหาได้ เพราะผมลงไปช่วยคดีแชร์หลายครั้งที่ผู้เสียหายเจอมิจฉาชีพฟ้องเพื่อตัดกำลัง ทำลายขวัญกำลังใจ ดังนั้นผมเองไม่อยากให้ผู้เสียหายต้องเดือดร้อนอีก สุดท้ายทางที่ดีที่สุดคือ นำข้อมูลร้องต่ออัยการสูงสุด เพราะคดีนี้ยังถือว่าเพิ่งเริ่มนับ 1 เอง ยังมีเขาอีกหลายลูกที่พวกท่านต้องปีน
ผมขอเป็นกำลังใจให้ วันนี้เมืองไทยยังไม่มีข้อมูลของผู้กระทำผิดในคดีแชร์ลูกโซ่ ไม่เหมือนในจำพวกคดียาเสพติด จะมีฐานข้อมูลพ่อค้ายาเก็บไว้ทั้งๆที่กฏหมายได้มีการสั่งให้เพิ่มโทษผู้กระทำความผิดไว้ใน พ.ร.ก.กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนใน มาตรา 15/1 ผู้ใดต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษตามมาตรา 4 หรือมาตรา 5 ถ้าได้กระทำความผิดนั้นซ้ำอีกในระหว่างรอการลงโทษหรือรอการกำหนดโทษอยู่ก็ดี หรือภายในเวลาห้าปีนับแต่วันพ้นโทษก็ดี หากศาลจะพิพากษาลงโทษครั้งหลังก็ให้เพิ่มโทษที่จะลงแก่ผู้นั้นอีกหนึ่งเท่าของโทษที่ศาลกำหนดสำหรับความผิดครั้งหลัง
มาตรา 15/2 ในกรณีคนต่างด้าวต้องคำพิพากษาถึงที่สุดว่ากระทำความผิดตามมาตรา หรือมาตรา 5 ให้เนรเทศผู้นั้นออกนอกราชอาณาจักรตามกฎหมายว่าด้วยการเนรเทศ ถ้าผู้นั้นจะต้องรับโทษก็ให้รับโทษก่อน
ดังนั้น ผมขอฝากไปยังนายกรัฐมนตรี เร่งจัดตั้งศูนย์ป้องกันและปราบปรามแชร์ลูกโซ่ขึ้นมา ตามข้อเสนอแนะจากสภาผู้แทนราษฏรที่ได้ส่งเรื่องปัญหาแชร์ลูกโซ่ฯที่สร้างความเดือดร้อนให้กับประเทศชาติและประชาชน
ผมขอฉายภาพเศรษฐกิจในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ประเทศไทยมีหนี้ NPL พุ่งถึง 2.9 ล้านคน คิดเป็น 4.3 ล้านบัญชี ยังไม่นับรวมหนี้นอกระบบ ผู้เสียหายแชร์ลูกโซ่คือคนจำนวนมากในนั้น เพราะคดีความใช้เวลานาน การคืนทรัพย์สินช้าดังนั้นแชร์ลูกโซ่คือปัญหาใหญ่ที่สร้างภัยให้กับประเทศชาติและประชาชน ผมหวังว่า คนไทยทุกคนจะไม่มองข้ามปัญหาเหล่านี้ กระบวนการยุติธรรมต้องปรับเปลี่ยน เพื่อสร้างความยุติธรรมให้กับผู้เสียหายการป้องกันต้องมี การปราบปรามต้องทำ การลงโทษต้องหนัก การเยียวยาต้องไว ผมขอส่งเสียงแทนผู้เสียหายทั้งประเทศคาดว่ามีไม่ต่ำกว่า 5 ล้านคน ที่เดือดร้อนจากเรื่องนี้อยู่ขอให้ทางรัฐบาลเร่งแก้ปัญหานี้ ประธานสมาพันธ์ต่อต้านแชร์ลูกโซ่แห่งประเทศไทยกล่าว