วันนี้ 23 สิงหาคม 2565 เวลา 09.00 น.ที่ศาลปกครองกลาง  ถนนแจ้งวัฒนะ หลักสี่ กรุงเทพ นายสืบพงษ์ ปราบใหญ่ อธิการบดี มหาวิทยาลัยรามคำแหง เดินทางเข้ารับฟังคำสั่งศาลปกครองสูง ขี้ขาดคำร้องอุทธรณ์ คดีฟ้อง สภามหาวิทยาลัยรามคำแหง กับพวกรวม 2 คน และฟังคำสั่งคุ้มครองขอปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งเดิม จากกรณีสภามหาวิทยาลัยรามคำแหง มีมติถอดถอน นายสืบพงษ์ ปราบใหญ่ ออกจากตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง เมื่อ 25 ธ.ค.2565 ที่ผ่านมา และแต่งตั้งให้นางสุวรรณี เดชวรชัย คณบดีคณะบริหารธุรกิจ ทำหน้าที่รักษาการอธิการบดีแทน

นายสืบพงษ์ ปราบใหญ่ กล่าวก่อนขึ้นรับฟังคำตัดสินของศาลปกครองกลางว่า  ตนเองได้รับการโปรดเกล้ารับตำแหน่งอธิการบดีรามคำแหง เมื่อวันที่ 12 ก.ย.2564 ในระหว่างปฏิบัติหน้าที่ก็ไม่ได้รับการสนับสนุนจากสภารามคำแหง เท่าที่ควร จากนั้น ทางสภารามฯ พร้อมพวกได้ยื่นคำร้องให้ถอดถอนตนเอง เมื่อวันที่ 25 ธ.ค.2565  ตนเองจึงมาร้องทุกข์ขอคุ้มครองต่อศาลปกครองสูงสุดให้ตนเองได้กลับไปทำหน้าที่ปฏิบัติงานตำแหน่งอธิการบดีเช่นเดิมหลังจากคำไต่สวนเบื้องต้นได้สั่งการคุ้มครองให้ตนเองกลับมารับตำแหน่งอธิการดังเดิม ในวันที่ 17 ม.ค.2565 และในวันนี้ได้เดินทางมาฟังคำสั่งจากศาลปกครองกลางว่าวินิจฉัยคำร้องอุทรห์ของทางฝั่งสภาฯรามคำแหง ว่าเป็นอย่างไร แต่ในเบื้องต้นตนเองมั่นใจในกระบวนการยุติธรรม ว่าท่านได้มีการพิจารณา วินิจฉัยที่ดี เป็นกลางและยุติธรรม และอยากให้ประชาชนคนไทยรู้ว่าในประเทศไทยยัฃมีความยุติธรรมอยู่

โดยตนเองชนะการเลือกตั้งจากสภานิสิตนักศึกษา พนักงาน คณาจารย์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง จึงอยากปฏิบัติหน้าที่ให้สมกับสิ่งที่ทุกคนตั้งความหวังไว้ แต่ก็มีหลายๆอย่างที่ไม่ได้รับการอำนวยความสะดวกหรือ ความร่วมมือ

เมื่อนายสืบพงษ์ ลงมาจากห้องพิจารณาคดี กลุ่มนักศึกษา มหาวิทยาลัยรามคำแหง กว่า 20 คน ได้เดินทางมาร่วมมอบดอกกุหลาบให้นายสืบพงษ์ เพื่อเป็นกำลังใจ

โดยนายสืบพงษ์ ได้กล่าวหลังจากลงจากห้องพิจารณาคดีว่า ศาลปกครองกลางได้มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวให้ตนเองปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งอธิการบดีรามคำแหงต่อไป

ส่วนเรื่องคดีที่ตนเองฟ้องต่อสภาฯรามคำแหง งั้นยังอยู่ในกระบวนการยุติธรรมต่อไปคงต้องรอการสืบพยานวินิจฉัยและคำพิพากษาต่อ

ซึ่งจากการสัมภาษณ์กลุ่มนิสิตนักศึกษาได้บอกว่านายสืบพงษ์ เป็นอธิการบดีที่ดีและสมควรได้รับการปฎิบัติหน้าที่ในตำแหน่งต่อไปเพื่อความเจริญก้าวหน้าของมหาวิทยาลัยรามคำแหง